หนังฝรั่งมันๆพากย์ไทยเต็มเรื่อง

ภาพยนตร์ฝรั่งมันๆบรรยายไทยเต็มเรื่อง หากว่าพูดถึงรอยยิ้ม อย่างที่รู้ว่า รอยยิ้มในภาษาหนังน่ะ มันถูกใจเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับความหมายปกติเสมอ ในหนังก็เลยถูกใจมีการใช้รอยยิ้มสำหรับในการสื่อไปถึงบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ ความน่าขนลุกที่แฝงไว้ภายใต้รอยยิ้ม ความกริ่มยิ้มย่องอันร้ายกาจที่พร้อมจะทำลายทุกๆอย่าง ตัวตลกเลอะเทอะเปรอะเปื้อนยิ้มผู้โหดเหี้ยมร้ายกาจ หรือรอยยิ้มละเมิดๆที่แฝงความทุกข์ใจตรมเศร้าใจไว้ภายใน อะไรทำนองนี้อื่นๆอีกมากมาย

‘Smile’ หรือ ‘ยิ้มน่ากลัว’ หนังสยองขวัญสเกลเล็กเรื่องใหม่ของค่ายดาวแนวเขา พาราเมาท์ พิคเจอร์ส (Paramount Pictures) หนังฝรั่งมันๆพากย์ไทยเต็มเรื่อง เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เอาการของรอยยิ้มอันน่าสยดสยองมานำเสนอ ซึ่งหนังหัวข้อนี้มีที่มาน่าสนใจมาก เพราะว่ามันถูกปรับปรุงเค้าโครงเริ่มต้นมาจาก ‘Laura Hasn’t Slept’ (2020) หนังสั้นผลงานของ ปาร์กเกอร์ ฟินน์ (Parker Finn) ที่ลงมือเขียนบทรวมทั้งดูแลเองมาก่อน

โดยหนังประเด็นนี้ได้ไปครอบครองรางวัล Special Jury Recognition Prize จากสายการแข่งขันชิงชัย Midnight Short Award จากเทศกาลหนัง SXSW Film Festival 2020 และครอบครองรางวัลจาก Fantastic Fest 2022 งานชิงชัยหนังสายแปลกมาก่อนหน้านี้ด้วย จนตราบเท่าในที่สุด ฟินน์ก็ได้สบโอกาสนำเอาหนังสั้นเรื่องนี้มาปรับแต่งต่อแปลงเป็นหนังยาว โดยตอนแรกตัวหนังหัวข้อนี้เกือบจะได้แปลงเป็นหนังออริจินัลบนสตรีมไม่ง Paramount+ หากแม้ด้วยเหตุว่าตอนฉายรอบ Test Screening กระแสกลุ่มคนมองดูค่อนไปทางบวก ประธานก็เลยไฟเขียวให้แก้ไขต่อไปเป็นหนังฉายโรงแทนอย่างที่เห็นกัน

เรื่องราวของ ‘Smile’ เริ่มที่ ดร.โรส คอตเตอร์ (Sosie Bacon) จิตแพทย์สาวที่บังเอิญได้พบเจอเรื่องแปลกเศร้าใจของ ลอรา วีฟเวอร์ (Caitlin Stasey) นิสิตสาวผู้ป่วยจิตเวชคนหนึ่ง ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสุดน่าสะพรึงกลัว เรื่องราวนั้นทำให้ท่านต้องพบเจอพบเจอกับสถานะการณ์สยองขวัญที่ถือครองตามติดคุณเป็นเงา แถมยังไม่สามารถที่จะจะอธิบายให้คนไหนกันฟังได้ คุณก็เลยจึงควรพบเห็นกับโบราณกาลอันแสนระทมใจ รวมทั้งมานะพยายามหลบสิ่งลึกลับอันน่าสยองขวัญที่มาในรูปแบบของรอยยิ้ม ภาพยนตร์ฝรั่งมันๆบรรยายไทยเต็มเรื่อง

หากให้สรุปภาพรวมแบบเร็วๆของหนังเรื่องนี้ ผู้เขียนคงสรุปว่า นี่ไม่ใช่หนังผีแบบตรงๆครับผม แม้กระนั้นเป็นหนังสยองขวัญครึ่งเดียวๆหนังคำสาปแช่ง ครึ่งๆหนังทริลเลอร์อะไรอย่างงี้มากกว่า ซึ่งโทนของหนังก็จะออกไปทางหนังจำเป็นจะต้องคำสาปแช่งแนวคล้ายกับ ‘It Follows’ (2014), ‘The Babadook’ (2014) หรือไม่ก็ย้อนไปไกลถึง ‘The Ring’ (2003) โน่นเลย เพียงแต่ว่าหนังเรื่องนี้เลือกที่จะเอาข้อความสำคัญเกี่ยวกับจิตวิทยามาเป็นธีมหลัก อาจจะยังไม่ถึงขั้นอาร์ตขาๆชักชวนแปลความ แต่ว่าเป็นการถือเอาปัญหาเกี่ยวกับจิตวิทยามาเล่น เป็นเงื่อนให้ตัวนำเผชิญกับการค้นหาสิ่งที่ทำให้เกิดคำแช่งยิ้มสยองขวัญซะมากกว่า

ซึ่งจริงๆก็จึงควรมองล่ะครับว่าตัวหนังสามารถเอาหลักสำคัญเงื่อนด้านจิตวิทยามาสะท้อนผ่านตัวหนังได้ ทั้งข้อความสำคัญเกี่ยวกับรอยยิ้ม รวมทั้ง Conflict ในทางของการสะท้อนให้เห็นภาพอันย้อนคัดค้านของจิตแพทย์ที่คอยรักษาคนที่มีปัญหาด้านจิตว่าเป็นคนที่น่าจะควบคุม รู้ทัน มีความรู้และความเข้าใจมากพอที่จะคุมสติของตัวเอง และคงจัดแจงกับอาการสติแตกได้ หากแม้ดันจะต้องมาเผชิญกับสภาพการณ์ที่เชิญให้หมดกำลังใจ กลัว ผวา โดนสมัยเก่าตามหลอกจวนเจียนเกือบจะสติแตกซะเอง ยิ่งเพียงพอมาขมวดกับหัวข้อของความที่คนรอบข้างคุณนั้นต่างก็ไม่รู้เรื่องในสิ่งที่คุณเจอ แล้วก็คุณเองก็ไม่รู้จักว่าจะอธิบายว่าไอ้คำสาปรอยยิ้มที่ทำให้ผู้ตายนี่มันคืออะไร ก็ยิ่งชักชวนให้บังคับ งงงัน เศร้าใจ ไม่เหมือนกันหนักมากขึ้นไปอีก